ภาวะการระบาดของไข้หวัดใหญ่และการป้องกัน

 

โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) มี 4 ชนิดหลักได้แก่
  1. nfluenza A (ไข้หวัดใหญ่ชนิด A) เชื้อไวรัสนี้สามารถแบ่งเป็นชนิดย่อยหรือสายพันธุ์ตาม hemagglutinin (HA, H) และ neuraminidase (NA, N) ซึ่งเป็นโปรตีนบนผิวของไวรัส โดยในปัจจุบันเชื้อไวรัส influenza A มี subtype จำนวน 18 และ 11 ชนิดตามลำดับ H และ N โดยในมนุษย์มักพบ subtype A(H1N1) และ A(H3N2) โดย subtype A(H1N1) อาจเป็น A(H1N1) ซึ่งเรียกว่า "pdm09" เพื่อระบุการระบาดในปี ค.ศ. 2009 และแทนที่เชื้อไวรัส influenza A(H1N1) ที่มีการแพร่ระบาดมาก่อนหน้านี้ ไวรัสชนิด A พบได้ในนก, หมู, ม้า, และมนุษย์
  2. Influenza B (ไข้หวัดใหญ่ชนิด B) เชื้อไวรัส influenza B ไม่แบ่งย่อยเป็น subtype เหมือน influenza A แต่จะแบ่งตาม lineages (ตัวอย่างที่มีการแพร่กระจายอยู่ในขณะนี้ เช่น B/Yamagata หรือ B/Victoria lineage)
  3. Influenza C (ไข้หวัดใหญ่ชนิด C) เชื้อไวรัส influenza C พบได้ไม่บ่อยนักและมักก่อให้เกิดการติดเชื้อไม่รุนแรง จึงไม่สำคัญต่อระบบสาธารณสุข.
  4. Influenza D (ไข้หวัดใหญ่ชนิด D) เชื้อไวรัส influenza D เป็นชนิดที่พบใหม่และสามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อในวัวและหมู ยังไม่พบการระบาดในมนุษย์

ซึ่งการระบาดที่รุนแรงของไข้หวัดใหญ่ในอดีตทำให้มีการวิจัยและคิดค้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ขึ้นมาเพื่อป้องกันการระบาดและการสูญเสีย โดยในปี 2023 และปี 2024 มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นและมีการแพร่ระบาด ในบทความนี้เราจะพูดถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่รุนแรงและมีการแพร่ระบาดมากในปัจจุบัน

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยในช่วงฤดูหนาวและมีฤทธิ์ติดต่อระบาดได้อย่างรวดเร็ว ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่แบ่งเป็นหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่สำคัญที่สุดคือ A และ B โดยในแต่ละสายพันธุ์ยังมีการแบ่งย่อยอีกด้วย

สายพันธุ์ A มีการแบ่งย่อยอย่างน้อย 2 ตระกูลสำคัญคือ H1N1 และ H3N2

เชื้อไวรัสสายพันธุ์ A มักเป็นสาเหตุของการระบาดรุนแรงและมีความหลากหลายทางพันธุกรรม

สายพันธุ์ B มีการแบ่งย่อยอย่างน้อย 2 ตระกูล คือ Yamagata และ Victoria

การติดเชื้อจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงเทียบกับสายพันธุ์ A แต่ก็สามารถทำให้ผู้ป่วยเจ็บได้

ปี 2566 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เปิดเผย การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/H1N1 โดยในประเทศไทย พบผู้ป่วยมากกว่าปี 2565 ถึง 3 เท่า โดยล่าสุด มีจำนวนผู้ป่วยมากถึง 138,766 ราย อัตราป่วยเพิ่มสูงถึงกว่า 200 รายต่อประชาการแสนราย

อาการของไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่มักเริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื้อไวรัสอาจจะเป็นเวลา 1-3 วัน

อาการทั่วไปของไข้หวัดใหญ่รวมถึงไข้สูงถึง 39-40 องศาเซลเซียส, อาการเจ็บคอ, มีน้ำมูกใส, ไอ, อ่อนเพลีย,

เบื่ออาหาร, ปวดศีรษะ, และอาการปวดรอบดวงตา, แขน, และขา ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยจะมีไข้ประมาณ 2-4 วัน และหลังจากนั้นไข้จะค่อยๆ ลดลง โดยยังคงมีอาการคัดจมูกและคออักเสบอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการทั่วไปนี้มักไม่รุนแรงและส่วนใหญ่ของผู้ป่วยหายป่วยได้โดยไม่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล

 

การป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และการแพร่เชื้อ

 

ฉีดวัคซีน การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปีเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค วัคซีนไข้หวัดใหญ่ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และลดความรุนแรงของโรคในกรณีที่ติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หรือบริการสุขภาพในพื้นที่ของคุณเพื่อรับวัคซีนที่เหมาะสมในแต่ละปี.

หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย หากมีผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ในช่วงการระบาดของโรค ควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับพวกเขา และหลีกเสี่ยงไปในที่สาธารณะที่คนหนาแน่น เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ.

สวมหน้ากากอนามัย ผู้ป่วยที่มีอาการของไข้หวัดใหญ่และผู้ดูแลควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อมีอาการไอหรือจาม เพื่อลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น.

ล้างมือ ล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลเมื่อไม่สามารถล้างมือได้ โดยเฉพาะหลังการไอหรือจาม และหลังจากการสัมผัสสิ่งของในที่สาธารณะ.

การจัดการเสื้อผ้าและผ้าเช็ดมือ หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการไข้หวัดใหญ่ ควรจัดการเสื้อผ้าและผ้าเช็ดมือของคุณโดยให้มีความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ.

หลีกเลี่ยงการสัมผัสตาและจมูก หลีกเลี่ยงการใช้มือขยี้ตาหรือใช้นิ้วแคะจมูก เนื่องจากเป็นช่องทางที่เชื้อโรคสามารถเข้าร่างกายได้ง่าย.

ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น หลอดดูดน้ำ, ช้อนส้อม, แก้วน้ำ, หรือผ้าเช็ดหน้า เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ.

ใช้ช้อนกลาง เมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ควรใช้ช้อนกลางเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ

การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีเป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่ง เนื่องจากสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ในแต่ละปีจะถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาดมากที่สุดในฤดูหนาวนั้นๆ ซึ่งอาจประกอบด้วยสายพันธุ์ A และ B หรือสายพันธุ์ A(H1N1) และ A(H3N2) ตัวอย่างของสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลงเป็นประจำ.

 

การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในระยะสั้นและระยะยาว และช่วยป้องกันการติดเชื้อและโรคไข้หวัดใหญ่ในกรณีที่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการระบาดมากในปีนั้น การฉีดวัคซีนยังเป็นวิธีที่ส่งเสริมสุขภาพของสังคมโดยรวม เนื่องจากการลดการระบาดของไข้หวัดใหญ่

ทั้งนี้เราควรมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายของเรา

การรักษาสุขภาพและป้องกันโรคเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ ภูมิคุ้มกันร่างกายมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคและรักษาสุขภาพของเราให้อยู่ในสภาพดี ซึ่งวิตามินซีเป็นสารอาหารที่สำคัญที่มีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากขึ้น

ปริมาณวิตามินซีที่ควรรับประทาน

การรับประทานวิตามินซีที่เหมาะสมสำหรับการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคือ 1,000 - 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ควรระวังว่าร่างกายจะดูดซึมวิตามินซีได้เพียงแค่ 200-400 มิลลิกรัมต่อครั้งเท่านั้น ดังนั้น เราควรแบ่งการรับประทานวิตามินซีอย่างสม่ำเสมอตลอดวัน โดยแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ 2-6 มื้อต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณวิตามินซีครบถ้วนตลอดเวลา

การรับประทานวิตามินซี

การรับประทานวิตามินซีไม่ยากนัก คุณสามารถทานวิตามินซีจากอาหารหลายชนิดได้ เช่น

ผลไม้ ส้ม, มะนาว, แตงโม, กีวี, สตรอว์เบอร์รี่, และมะกรูด เป็นต้น เป็นแหล่งวิตามินซีที่ดีและเป็นผลไม้ที่อร่อยที่สามารถเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายได้

ผัก พริกขี้หนู, ผักโขม, ผักคะน้า, และผักใบเขียวหลายชนิด เป็นแหล่งวิตามินซีที่มีในผักสด

อาหารทะเล ปลาแซลมอนและกุ้ง เป็นแหล่งวิตามินซีที่มีปริมาณมากและดีต่อสุขภาพ

อาหารเสริม หากคุณไม่สามารถรับประทานวิตามินซีจากอาหารทั่วไปได้เพียงพอ คุณสามารถพิจารณาการรับประทานวิตามินซีเสริมจากแบบฉีดหรือเม็ดเสริมตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

การรับประทานวิตามินซีเป็นวิธีที่ดีในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพื่อป้องกันโรคและรักษาสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ควรทราบถึงปริมาณที่เหมาะสมและข้อควรระวังเพื่อรับประทานวิตามินซีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับร่างกายของคุณ

-------------------------------------------------------------------

3C ขอแนะนำ DSM Vitamin C series เป็นสินค้าและนวัตกรรมที่นำเข้ามาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในด้านวิตามินซี (Vitamin C) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวิตามินซี โดย DSM เป็นบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและผลิตวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับสุขภาพ ดังนั้น DSM Vitamin C Series นั้นเน้นไปที่คุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีอย่างมีคุณภาพ

วิตามินซีของ DSM มีด้วยกัน 7 form โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบได้แก่ แบบผงแบบมีความเป็นกรดต่ำและแบบตอกเม็ดโดยตรง

VITAMIN C POWDER

LOW ACID VITAMIN C

VITAMIN C DIRECT COMPRESSION GRADE

KEY BENEFITS

  • สามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำงานของภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยทำให้ผิวพรรณดูแข็งแรงสดใส
  • ช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ

 

contact_hubsfrominfo_ecom

 

และ 3C แนะนำ Formula C-Guard ปกป้องร่างกายจากโรคไข้หวัดทั่วไป ไข้หวัดใหญ่และ Covid-19

เป็นสูตรพิเศษที่ทีม 3C มุ่งมั่นและตั้งใจวิจัยและค้นคว้า

บริษัท 3C Group เรายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นผู้นำทางด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งหากคุณมีความสนใจในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารเสริม เรามีความยินดีที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัตถุดิบและขั้นตอนการผลิตในทุกๆ ขั้นตอนของการจัดทำอาหารเสริม

สำหรับผู้ที่สนใจท่านสามารถติดต่อเราได้เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ การคิดค้นสูตรอาหารเสริม ตลอดจนไปถึงการช่วงวางแผนการจำหน่าย เพราะเราเป็นบริษัทรับผลิตและนำเข้าวัตถุดิบที่มีความเชี่ยวชาญ

ติดต่อเราได้ที่ Line : @3cnutra หรือทีมขายที่ดูแลท่าน 

 

ส่งความคิดเห็น

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่ ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *