การเตรียมพร้อมร่างกายก่อนออกกำลังกาย และหลังออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องพื้นฐานของการเริ่มต้นสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ก่อนออกกำลังกายการเตรียมพร้อมร่างกายก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน การเตรียมพร้อมร่างกายก่อนออกกำลังกายมีความสำคัญเพื่อลดความเครียดทางกาย ลดความเจ็บปวด และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย 

การอบอุ่นร่างกาย หรือ Warm Up 

การอบอุ่นร่างกายหรือ Warm-up เป็นขั้นตอนที่สำคัญก่อนที่จะทำกิจกรรมทางกาย เป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมที่มีการใช้พลังงานสูง ๆ หรือการทำกิจกรรมกีฬา ด้วยวิธีการนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมทางกายดังนี้ 

เพิ่มอุณหภูมิร่างกาย : การทำอบอุ่นทำให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น 

เพิ่มการไหลเวียนของเลือด : การทำงานในขั้นตอนอบอุ่นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการให้สารอาหารและออกฤทธิ์ทางกาย 

เตรียมจิตใจ : การอบอุ่นยังช่วยเตรียมจิตใจให้พร้อมที่จะเริ่มกิจกรรม ซึ่งสามารถช่วยให้ความรู้สึกมั่นใจและตั้งใจมากขึ้น 

ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ : การอบอุ่นช่วยลดความตึงเครียดและยืดกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บ 

เพิ่มระดับความยืดหยุ่น : การอบอุ่นช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อเตรียมพร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมทางกาย 

ป้องกันการบาดเจ็บ : การทำอบอุ่นลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บ เพราะร่างกายได้รับเวลาในการเตรียมพร้อมก่อนที่จะทำกิจกรรมทางกายที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสูง 

การอบอุ่นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การทำการยืดกล้ามเนื้อ  การเคลื่อนไหวเบา ๆ, หรือการทำกิจกรรมทางกายที่มีความหนักเบา ๆ โดยทั่วไป , การอบอุ่นควรทำในระยะเวลาประมาณ 5-10 นาทีก่อนที่จะทำกิจกรรมหลัก 

แนะนำ 3 ท่าสำหรับการ Warm Up 

1.ท่าสควอทหรือ Squat  

เป็นท่าออกกำลังกายที่มีประโยชน์มากมายสำหรับกล้ามเนื้อหลายพื้นที่ของร่างกาย เป็นท่าที่ใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่ม เช่น กล้ามเนื้อขา, กล้ามเนื้อกลาง, กล้ามเนื้อหลัง, และกล้ามเนื้อแกนร่างกาย. นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงของข้อเข่า, ลำตัว, และลดภาวะบาดเจ็บในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย. นี่คือขั้นตอนทำท่าสควอท (Squat) พื้นฐาน 

 

เริ่มต้นจากท่าท่ายืน : วางเท้าห่างกันเท่าความกว้างของไหล่หรือกว้างขึ้นนิดหน่อย ให้หันหน้าไปข้างหน้าหรือมองหน้าไปด้านหน้า 

จับมือหน้าหรือวางมือที่สะโพก : การจับมือหน้าหรือวางมือที่สะโพกเป็นการช่วยในการรักษาสมดุลของร่างกาย 

ค่อย ๆ นำสะโพกลง : งอข้อเข่าและนำสะโพกลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นจนเข่าอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดที่คุณสามารถทำได้ 

รักษาระหว่างเท้าและเข่า : รักษาน้ำหนักที่แจ่มใส่ที่กลางของเท้าและรักษาความสมดุลระหว่างเท้าและเข่า 

ยกตัวขึ้น : ใช้กล้ามเนื้อขาและกล้ามเนื้อกลางเพื่อขึ้นสูงขึ้นไปยืน 

 

คำแนะนำ 

  • ควรรักษาระหว่างเท้าและเข่าในตอนลงและขึ้น 
  • ลองปรับตำแหน่งเท้าหรือการใช้มือเพื่อดูว่าคุณรู้สึกสะดวกที่สุด 
  • หลีกเลี่ยงให้เข่าล้มตัวไปข้างหน้ามากเกินไป 
  • ให้ความสำคัญกับการรักษาท่าสูงขึ้นเมื่อขึ้น 
  • ควรเริ่มต้นด้วยน้ำหนักที่เบาและเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ๆ เมื่อร่างกายคุณเริ่มปรับตัวไปที่การฝึกซ้อมที่หนักขึ้น 

2.ท่าเลกลันจ์ (Leg Lunges)  

เป็นท่าออกกำลังกายที่เน้นการฝึกกล้ามเนื้อขาและกล้ามเนื้อก้น นอกจากนี้ยังช่วยในการพัฒนาความสมดุลของร่างกาย และทำให้กล้ามเนื้อแกนร่างกายทำงานเพิ่มขึ้นด้วย. นี่คือขั้นตอนทำท่าเลกลันจ์

เริ่มต้นจากท่ายืน : วางเท้าห่างกันเท่าความกว้างของไหล่ ให้หันหน้าไปข้างหน้าหรือมองหน้าไปด้านหน้า 

ทำการยืดขา : ย้ายน้ำหนักของร่างกายไปทางข้างหนึ่ง, แล้วเอาขาอีกข้างไปท้ายไปข้างหน้า ให้เข่าหลังจากนั้นนำสะโพกลงไปเพื่อให้เข่าของขาท้ายเข้ามาหลายๆ นิ้ว 

ยืนใหม่ : ใช้กล้ามเนื้อขาท้ายเพื่อผลักตัวขึ้นมายืนในท่าเริ่มต้น 

ทำท่าเลกลันจ์ที่ข้างตรงข้าม : ทำท่าเลกลันจ์ฝั่งตรงข้าม โดยทำลักษณะเดียวกัน 

 

คำแนะนำ 

  • รักษาระหว่างเท้าและเข่าในตอนลงและขึ้น 
  • ในท่าลง, ควรเลื่อนลำตัวลงมาตามเข่าโดยที่เข่าของขาท้ายเข้ามาหลายๆ นิ้ว 
  • ควรเลือกนำน้ำหนักของร่างกายไปทางลำตัวและตัวเราเองเมื่อทำท่านี้ 
  • ในท่าขึ้น, ใช้กล้ามเนื้อขาท้ายเพื่อผลักตัวขึ้นมายืน 
  • ลองปรับตำแหน่งเท้าหรือการใช้มือเพื่อดูว่าคุณรู้สึกสะดวกที่สุด 

3.ท่ากระโดดเชือก 

เป็นท่าออกกำลังกายที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่ม, เพิ่มความแข็งแรงทั้งส่วนบนและล่างของร่างกาย, และช่วยเสริมฟอร์มการกระโดด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อการเสริมระบบทรวงอกและการเพิ่มความก้าวหน้าในการมีระดับฟิตเนส. นี่คือขั้นตอน 

รูปภาพประกอบด้วย ท้องฟ้า, กลางแจ้ง, เสื้อผ้า, กางเกงขาสั้น

คำอธิบายที่สร้างโดยอัตโนมัติ

เตรียมเชือก : ยืนตรงและถือเชือกทั้งสองด้านให้แน่น, โดยให้เชือกตกลงไปทางด้านหน้าของร่างกาย 

ทำท่าเตรียมตัว : ให้เข้าท่าอยู่ตรง ๆ และวางน้ำหนักของร่างกายไปที่ลำตัวของคุณ ตัวคุณควรอยู่บนลำตัวของเท้า, ตั้งแต่ส้นเท้าไปถึงส้นหุ้ม 

ขยับเชือกขึ้น : ด้วยการใช้ขาและตัวแขน, ยกเชือกขึ้นตามลำกล้องของร่างกาย 

ในขณะเดียวกัน, กำหนดจังหวะการกระโดดด้วยการเดินขาในทิศทางขึ้น 

กระโดดขึ้น : ในทำนองเดียวกัน, ใช้พลังขาและตัวแขนเพื่อกระโดดขึ้น ให้ยกขาขึ้นสูงขึ้นในขณะที่เชือกยังคงหมุน 

จับเชือก : เมื่อยกขาขึ้นสูงสุด , ให้ใช้มือจับเชือกที่กำลังหมุนไปข้างหน้า 

ลงดิน : ปล่อยเชือกให้ค่อย ๆ ลงล่าง จากนั้นเข้าสู่การกระโดดในรอบถัดไป 

คำแนะนำ 

  • ควรรักษาระบบทรวงอกตลอดการกระโดดเชือก 
  • ให้ใช้ขาเข้าสู่การกระโดดเพื่อเพิ่มความสูง 
  • ควรใช้ตัวแขนในการหมุนเชือกเพื่อช่วยในการเพิ่มความสูง 
  • การกระโดดเชือกเพื่อวอร์มร่างกายที่เหมาะสม คือ ควรกระโดดติดต่อกัน 45 วินาที จำนวน 3 เซต โดยพักระหว่างเซต 30 วินาที 

 อันตรายการไม่ได้วอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย

ก่อนการออกกำลังกายมีความเสี่ยงต่ออันตรายที่สูงขึ้น เนื่องจากร่างกายที่ยังไม่ได้เตรียมพร้อมอาจทำให้เกิดบาดเจ็บและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้. นี่คือบางปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไม่ได้ทำการวอร์มอัพ: 

บาดเจ็บกล้ามเนื้อ : การเริ่มการออกกำลังกายโดยไม่ได้ทำการวอร์มอัพอาจทำให้เกิดบาดเจ็บกล้ามเนื้อ เนื่องจากกล้ามเนื้อยังไม่ได้รับพลังงานและการเตรียมความพร้อม. 

บาดเจ็บข้อ : การไม่ทำการวอร์มอัพอาจทำให้ข้อต่าง ๆ ของร่างกายไม่ได้รับการเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนไหว ทำให้มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการบาดเจ็บข้อ. 

บาดเจ็บเส้นเอ็น : เส้นเอ็นและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ในร่างกายต้องการเวลาในการปรับตัวและเตรียมพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่การกิจกรรมทางกาย การไม่ทำการวอร์มอัพอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บ. 

ลดประสิทธิภาพ : การไม่ทำการวอร์มอัพอาจทำให้ประสิทธิภาพในการออกกำลังกายลดลง เนื่องจากร่างกายยังไม่ได้รับการเตรียมความพร้อมในการทำงาน. 

การทำการวอร์มอัพทำให้ร่างกายเตรียมความพร้อมสำหรับกิจกรรมทางกาย, เพิ่มการไหลเวียนของเลือด, ปรับความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และลดความเสี่ยงในการเกิดบาดเจ็บ. ดังนั้น ควรให้เวลาทำการวอร์มอัพก่อนทุกครั้งที่ท่านต้องการออกกำลังกายจากการไม่ได้วอร์มร่างกาย 

โภชนาการและอาหารที่ร่างกายควรได้รับก่อนออกกำลังกาย 

การบริโภคอาหารที่เหมาะสมก่อนออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานที่เพียงพอและสมดุล. นอกจากนี้ยังช่วยให้ประสิทธิภาพของการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น และลดความเสี่ยงในการรู้สึกอ่อนเพลียหรือหมดพลังกลางทาง กลุ่มอาหารที่เหมาะสมมีดังนี้ 

  • คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญสำหรับกิจกรรมทางกาย ควรบริโภคคาร์โบไฮเดรตในรูปแบบที่มีการดูดซึมได้ดี, เช่น ข้าว, ปี๊บ, ธัญพืช, และเครื่องแป้งโฮลกรีน. 
  • โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ควรบริโภคโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ, เช่น เนื้อสัตว์, ไข่, ถั่ว, ปลา, และผลิตภัณฑ์จากนม. 
  • ไขมันดีมีความสำคัญในการสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนพลังงาน และมีบทบาทในการรักษาสมดุลฮอร์โมน ควรเลือกไขมันที่ดีต่อสุขภาพเช่น น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะกอก, และน้ำมันมะนาว. 
  • ผลไม้และผักเป็นแหล่งวิตามิน, แร่ธาตุ, และใยอาหารที่สำคัญ ควรบริโภคเพื่อเพิ่มปริมาณวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย. 
  • การดื่มน้ำก่อนการออกกำลังกายมีความสำคัญ เพื่อป้องกันการขาดน้ำและรักษาการเสริมสภาพน้ำในร่างกาย 

เวลาการรับประทาน 

ควรรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายมีเวลาในการดูดซึมและนำไปใช้เป็นพลังงาน นี่เป็นแนวทางทั่วไปและอาจต้องปรับเปลี่ยนตามความต้องการของแต่ละบุคคล คำแนะนำที่ดีคือการปรึกษากับนักโภชนาการหรือผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเพื่อให้ได้แผนโภชนาการที่เหมาะสมกับคุณส่วนบุคคล. 

 

Cool down หรือ การผ่อนคลายหลังออกกำลังกาย 

Cool down หรือการทำการผ่อนคลายหลังจากการออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญของรูปแบบการฝึกซ้อมที่ควรทำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ การทำ Cool Down หรือการผ่อนคลายหลังจากการออกกำลังกายมีประโยชน์มากมายต่อร่างกายและสุขภาพ 

ลดความเสี่ยงต่อบาดเจ็บ : Cool Down ช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย, เนื่องจากการทำการผ่อนคลายช่วยในการลดความตึงเครียดและเตรียมกล้ามเนื้อให้กลับสู่สภาพปกติ. 

ส่งเสริมการระงับกระบวนการอักเสบ : การ Cool Down ช่วยลดอักเสบในกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักในระหว่างการออกกำลังกาย ทำให้กระบวนการซ่อมแซมเกิดขึ้นได้ดีขึ้น. 

ปรับสภาพจิตใจ : Cool Down ช่วยให้ร่างกายมีโอกาสที่จะคืนความสงบและสมดุลทางจิตใจ หลังจากที่ได้รับการกระตุ้นจากการออกกำลังกาย. 

ลดความเมื่อยล้า : การทำ Cool Down ช่วยลดความเมื่อยล้าหลังจากการออกกำลังกาย, ทำให้ร่างกายมีโอกาสกลับสู่สภาพปกติได้รวดเร็วขึ้น. 

ส่งเสริมการยืดหยุ่น : Cool Down ช่วยในการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ, ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อมีการดูดซึมและคลายตัวได้ดี. 

ลดความเครียด : การผ่อนคลายหลังจากการออกกำลังกายช่วยลดความเครียดในร่างกาย, ทำให้ร่างกายและจิตใจได้รับประโยชน์. 

ปรับระดับฮอร์โมน : Cool Down ช่วยปรับระดับฮอร์โมนในร่างกาย, ทำให้ร่างกายกลับสู่สภาพปกติ. 

แนะนำท่าสำหรับการ Cool down หลังการออกกำลังกาย 

1.ท่า Overhead Triceps Stretches  

เป็นท่ายืดกล้ามเนื้อในบริเวณตรงหลังแขน (triceps). การทำท่านี้ช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นในส่วนนี้ของร่างกาย และมีประโยชน์ต่อการลดความตึงเครียดหลังจากการออกกำลังกายหรือกิจกรรมทางกายอื่น ๆ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดในส่วนไหนของไหล่และหลัง

วิธีการทำท่า Overhead Triceps Stretches 

เริ่มต้นจากท่านั่งหรือยืน : นั่งหรือยืนตรงในท่าที่สบาย, ให้หลังตรง, ไหล่ลง, และทำให้ร่างกายไม่โค้งเกินไป. 

ยกแขนขึ้น : ยกแขนขึ้นตรงบนหัว, ให้ฝ่ามือทั้งสองมือหันไปทางหลัง, ฝ่ามือตรงกับหลัง. 

งอข้อศอก : ใช้มือทั้งสองจับเข้ากับข้อศอกที่อยู่ด้านหลังของหัว, ให้มือหนึ่งอยู่ที่บริเวณบนไหล่ของอีกมือ. 

การยืด : กดบนข้อศอกที่จับไว้ทางหลัง, ในขณะที่ใช้มืออีกข้างที่ว่างจับข้อมือของมือที่อยู่ทางหลังและยืดเบาๆ. 

ความรู้สึกขณะยืด : รู้สึกการยืดความตึงเครียดบริเวณ triceps และลำตัว. 

คงท่านี้ไว้เป็นเวลา 15-30 วินาที : ควรคงท่านี้ไว้เป็นเวลาที่สะดวก และหลังจากนั้นนำมือกลับมาทางด้านหน้า. 

ทำซ้ำด้านอีกข้าง : ทำท่านี้ที่ด้านอีกข้างเพื่อยืด triceps ทั้งสองข้าง. 

ท่า Overhead Triceps Stretches เป็นท่ายืดที่ดีในการลดความตึงเครียดหลังจากการออกกำลังกายหรือกิจกรรมทางกายอื่น ๆ ควรทำท่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายหลังการออกกำลังกายหรือก่อนการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในกล้ามเนื้อ triceps และส่วนท่อนบนของลำตัว 

2.ท่า Child’s Pose Stretch 

Child's Pose (ท่ายืดร่างเด็ก) เป็นท่ายืดที่มีประโยชน์ในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย, โดยเฉพาะในส่วนหลัง, ไหล่, และ เข่า  

เริ่มต้นจากท่าตั้งเข่า : นั่งหรือยืนตรงบนพื้น, ให้เข่าและข้อเท้าติดกัน, แขนยันบนพื้นข้างตรงไปข้างหน้า. 

 

นั่งลงที่ส่วนหลัง :  ให้ลงที่ส่วนหลังไปทางหลัง, แขนยันลงบนพื้นข้างหน้า. 

การงอหลัง : งอลงที่ส่วนลำตัวลงลงไปทางดิน ให้ส่วนลำตัวแตะพื้น และหลังคุณยืนขึ้นสูงจากพื้น. 

การยืดแขน : ยืดแขนไปข้างหน้า, และวางหน้าที่พื้นหรือบนพื้นหลังของขา. 

การปรับท่า : หากสามารถ, สามารถปรับท่าได้โดยการเลื่อนมือไปด้านหน้าหรือยืดแขนไปไกลขึ้น. 

การหายใจ :  ให้หายใจลึกๆ และรู้สึกการยืดทั่วทั้งส่วนหลัง, ไหล่, และ เข่า. 

คงท่านี้ : คงท่านี้ไว้เป็นเวลา 30 วินาทีถึง 1 นาที, หรือตามความสะดวก. 

Child's Pose เป็นท่ายืดที่ดีในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังและข้อท่าต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยลดความตึงเครียด, พัฒนาความยืดหยุ่น, และช่วยในกระบวนการหายใจ. ท่านี้สามารถทำในบริเวณที่มีพื้นที่ว่างเพียงพอ เช่น บนพื้นพรมหรือโต๊ะโยคะ 

การทำ Cool Down เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยในการปรับสภาพร่างกายกลับสู่สภาพปกติ, ลดการบาดเจ็บ, และส่งเสริมการซ่อมแซม. ควรให้เวลาสัก 5-10 นาทีหลังจากการออกกำลังกายเพื่อทำ Cool Down.  

ผลเสียจากการไม่ได้ทำ Cool down หรือการผ่อนคลายหลังออกกำลังกาย 

การไม่ทำ Cool Down หรือไม่ทำการผ่อนคลายหลังออกกำลังกายอาจส่งผลต่อร่างกายและสุขภาพ 

เพิ่มความเสี่ยงต่อบาดเจ็บ : การไม่ทำ Cool Down ทำให้กล้ามเนื้อยังอยู่ในสภาพความตึงเครียดจากการออกกำลังกาย ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อบาดเจ็บ, เฉพาะในท่าที่ใช้กล้ามเนื้อมาก. 

ลดประสิทธิภาพการซ่อมแซม : Cool Down เป็นขั้นตอนที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมของกล้ามเนื้อ การไม่ทำ Cool Down อาจทำให้กระบวนการนี้ช้าลง. 

เพิ่มความเมื่อยล้า : การไม่ทำ Cool Down อาจทำให้รู้สึกเมื่อยล้าหลังจากการออกกำลังกาย, ทำให้ความเหนื่อยและอ่อนเพลียมีอาการมากขึ้น. 

เสี่ยงต่อการบาดเจ็บข้อ : การที่กล้ามเนื้อยังคงอยู่ในสภาพตึงเครียดอาจทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นในการบาดเจ็บข้อ, เนื่องจากข้อจะไม่ได้รับการเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนไหว. 

เพิ่มความเครียด : การไม่ทำ Cool Down ทำให้ร่างกายยังคงอยู่ในสภาพความตึงเครียด ทำให้เกิดความเครียดทางร่างกายและจิตใจ. 

ลดความยืดหยุ่น : การที่ไม่ทำ Cool Down ทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้รับการยืดหยุ่นในขณะที่อยู่ในสภาพร้อน ทำให้ยืดหยุ่นลดลง. 

การ Cool Down หลังจากการออกกำลังกายมีความสำคัญเพราะช่วยลดความเสี่ยงต่อบาดเจ็บ, ส่งเสริมกระบวนการซ่อมแซม, ลดความเมื่อยล้า, และช่วยให้ร่างกายกลับสู่สภาพปกติได้รวดเร็ว. 

โภชนาการและอาหารที่ร่างกายควรได้รับหลังออกกำลังกาย 

หลังจากการออกกำลังกายการปรับเปลี่ยนโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญเพื่อส่งเสริมกระบวนการซ่อมแซมพัฒนากล้ามเนื้อและรักษาร่างกายในสภาพที่ดี 

  • การบริโภคโปรตีนหลังการออกกำลังกายช่วยในกระบวนการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ. ควรรับประทานโปรตีนในระยะเวลา 30-60 นาทีหลังการออกกำลังกาย. อาหารที่มีโปรตีนมากมีเช่น เนื้อสัตว์, ไข่, ถั่ว, และนม. 
  • คาร์โบไฮเดรตจะช่วยเติมพลังงานที่ใช้ไปในการออกกำลังกาย. ควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตในระยะเวลา 30-60 นาทีหลังการออกกำลังกาย. ควรเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีดัชนีนิวตริเอนต์ต่ำ, เช่น ผัก, ผลไม้, และธัญพืช. 
  • ไขมันมีบทบาทในการรักษาสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย. ควรเลือกไขมันที่ดีต่อสุขภาพเช่น ไขมันไม่อิ่มตัว, มันสำคัญ, และกรดไขมันโอเมก้า-3. ไขมันดีสามารถได้จากเนื้อปลา, มะกอก, น้ำมันมะพร้าว, และผลไม้มักเครื่องน้ำมัน. 
  • การให้น้ำตั้งแต่เริ่มต้นออกกำลังกายถึงหลังจากออกกำลังกายมีความสำคัญ เพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยทำให้ร่างกายกลับสู่สภาพปกติ 
  • ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย. หากไม่สามารถได้รับจากอาหารเพียงพอ, การเสริมด้วยวิตามินและแร่ธาตุอาจเป็นทางเลือก. 
  • การรับประทานอาหารที่มีใยใยอาหารช่วยในการปรับระบบย่อยอาหารและรักษาสมดุลระบบน้ำหนัก. ควรรับประทานอาหารที่มีใยอย่างเพียงพอ 

การทำ Warm-up และ Cooldown เป็นส่วนสำคัญของการออกกำลังกายที่ช่วยเตรียมพร้อมร่างกายก่อนและช่วยในกระบวนการฟื้นตัวหลังจากการออกกำลังกาย ซึ่งการทำ Warm-up และ Cooldown อย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บ, ลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย, และช่วยให้ร่างกายของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการบริโภคอาหารและโภชนาการก่อนและหลังการออกกำลังกายตามความเหมาะสมที่ร่างกายของแต่ละคนควรจะได้รับ  

โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญตอนออกกำลังกาย เพราะมีหน้าที่สำคัญในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่ถูกทำลายในระหว่างการออกกำลังกาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำหนดรูปร่างของร่างกาย 

3C ขอนำเสนอ Whey Pro เวย์โปรตีนเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป

ที่มีส่วนผสมของ HIGH AMINO ACID และ BCAA SCORE ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ย่อยง่าย และดูซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว  

เป็นเวย์โปรตีนที่สกัดจากนมวัวแท้ 100% นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริการและยุโรป อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ “BCAA (BRANCHED CHAIN AMINO ACID)” 20.61% มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทุกชนิด 

KEY BENEFITS 

  • เสริมสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ
  • เสริมสร้างความแข็งแรงและพละกำลังให้กับร่างกาย
  • ช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการออกกำลังกายโดยลดระดับของ LACTATE ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการเมื่อยล้าจากการออกกำลังกาย

contact_hubsfrominfo_ecom

บริษัท 3C Group เรายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นผู้นำทางด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งหากคุณมีความสนใจในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารเสริม เรามีความยินดีที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัตถุดิบและขั้นตอนการผลิตในทุกๆ ขั้นตอนของการจัดทำอาหารเสริม

สำหรับผู้ที่สนใจท่านสามารถติดต่อเราได้เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ การคิดค้นสูตรอาหารเสริม ตลอดจนไปถึงการช่วงวางแผนการจำหน่าย เพราะเราเป็นบริษัทรับผลิตและนำเข้าวัตถุดิบที่มีความเชี่ยวชาญ

ติดต่อเราได้ที่ Line : @3cnutra หรือทีมขายที่ดูแลท่าน 

 

ส่งความคิดเห็น

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่ ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *