VIQUA new innovative ingredient for skin health and anti-aging 2021
ปัญหาผิว เป็นปัญหาที่ผู้หญิงแทบทุกวัยกังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สิว ความหมองคล้ำ จุดด่างดำผิวแห้ง และริ้วรอย ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ โดยขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการชะโลมครีมกันแดด ทาครีมบำรุงผิว พักผ่อนให้เพียงพอ หรือแม้แต่การเลือกบริโภคอาหารที่ดีมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ อย่างผลไม้ เช่น มะเขือเทศ ส้ม ทับทิม เป็นต้น แต่ปัญหาส่วนมากที่พบ คือ พฤติกรรมคนในปัจจุบันมีการบริโภคที่ไม่เพียงพอ เพื่อแก้ปัญหานี้ ทางที่ดีคือการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากผลไม้สกัด ซึ่งทาง 3C มี ingredient ที่จะนำเสนอเพื่อตอบโจทย์ปัญหานี้ นั่นก็คือ VIQUA®
VIQUA® เป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ใช้สารสกัดจากผลทับทิมสายพันธุ์พิเศษจากเมือง Alicante ประเทศสเปน ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใช้น้ำทะเลในการเพาะปลูก จึงทำให้ VIQUA® นั้นอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลที่คงตัวและมีประสิทธิภาพสูงแม้ใช้ในปริมาณต่ำเมื่อเทียบกับสารสกัดจากผลไม้ทั่วไป และ VIQUA® นั้นมีการกำหนดมาตรฐานว่าจะต้องมีสารกลุ่มโพลีฟีนอลสูงกว่า 40%และประกอบด้วย Punicalagins มากกว่า 10% เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางสุขภาพอันยอดเยี่ยมต่อผิวพรรณและการชะลอวัย
นอกจากนี้ VIQUA® ใช้นาโนเทคโนโลยี ADS® ที่จดสิทธิบัตรจากประเทศฝรั่งเศส โดยการใช้ฟอสโฟลิพิดที่สกัดจากน้ำมันเมล็ดทับทิมห่อหุ้มสารสำคัญไว้ในอนุภาคนาโนโซม ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้สารออกฤทธิ์ถูกดูดซึมผ่านทางเดินอาหารได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนและตรงไปยังเซลล์เป้าหมาย ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าสู่เซลล์ไมโตคอนเดรียเพื่อขจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ที่เป็นต้นตอของการเสื่อมของเซลล์ จึงทำให้ VIQUA® นั้นมีเอกลักษณ์และประสิทธิภาพที่ไม่เหมือนสารสกัดทั่วไป และเป็นผลผลิตจากทับทิม 100%
อนุมูลอิสระและเซลล์ไมโตคอนเดรีย?
อนุมูลอิสระภายในร่างกายส่วนใหญ่มาจากกระบวนการเผาผลาญในเซลล์เพื่อสร้างพลังงาน ที่หน่วยย่อยภายในเซลล์มีชื่อว่า ไมโตคอนเดรีย นอกจากนี้อนุมูลอิสระในร่างกายยังสามารถเกิดจากการกระตุ้นภายนอก เช่น PM 2.5, รังสี UV, การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส หรือภาวะความเครียด เป็นต้น และเมื่อร่างกายมีอนุมูลอิสระมากเกินกว่าที่สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายจะจัดการได้ จะทำให้เซลล์ในร่างกายถูกทำลาย เช่น ผิวหนัง ซึ่งในปัจจุบันได้ปรากฏความท้าทายใหม่ที่ส่งผลต่อการเสื่อมลงของสุขภาพผิวพรรณของคนไทย นั่นคือ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของอนุมูลอิสระทำร้ายผิวที่กำลังเป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับประเทศไทย โดยพบว่าปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินมาตรฐานในหลายจังหวัด ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าฝุ่น PM 2.5 จะนำพาสารประกอบอินทรีย์อื่นๆ เช่น polyaromatic hydrocarbon (PAH) ที่สามารถแทรกซึมเข้าไปทางผิวหนัง และก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ (5,8,11,12,14) นอกจากนี้ การสัมผัส PM 2.5 อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระ(ROS) ที่ทำให้ผิวเสื่อมชราได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอย ทำลายความยืดหยุ่นของผิว เกิดฝ้า จุดด่างดำ รวมถึงทำให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย (4,5,8,9,13) ซึ่ง VIQUA® จะช่วยบรรเทา ลดทอนปัญหาดังกล่าวได้ โดยอาศัยกระบวนการขจัดอนุมูลอิสระที่ลึกถึงระดับไมโตคอนเดรีย
นอกจากนี้ VIQUA® มีหลักฐานงานวิจัยยืนยันประสิทธิภาพในการปกป้องผิวอีกด้วย
VIQUA® มีแนวโน้มสามารถยับยั้งเอนไซม์ Collagenase และ Elastase ภายในผิว สาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอย ดังกราฟ
การทดลองทางคลีนิก : เมื่อบริโภค VIQUA® 250 mg/วัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์
VIQUA® เพิ่มความชุ่มชื้นผิวอย่างมีนัยสำคัญ (+40%) และเพิ่มปริมาณน้ำในชั้นผิว (+51%)
VIQUA® ช่วยลดผิวที่มีลักษณะเป็นริ้ว ไม่เรียบ (-27%) และความหยาบของผิว (-31%)
VIQUA® ช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ยับยั้งการอักเสบ ช่วยลดฝ้า (-80%)
ซึ่ง VIQUA® ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านนวัตกรรม ผลงานวิจัยยอดเยี่ยม และอื่นๆ
VIQUA® จึงเป็นสุดยอดนวัตกรรมวัตถุดิบอาหารเสริมที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการดูแลสุขภาพผิวและชะลอวัยในยุคปัจจุบันนี้ ที่ต้องพบเจอมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 หรือรังสี UV ที่ทำร้ายผิว สามารถใช้ได้ทั้งในอาหาร เครื่องสำอาง และอื่นๆตามที่ผู้ประกอบการต้องการได้ โดยมีงานวิจัยยืนยันประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพผิวหลายด้าน ทั้งยังการันตีด้วยรางวัลระดับนานาชาติอีกด้วย
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการสอบถามเรื่องการผลิตอาหารเสริม / วัตถุดิบอาหารเสริม / วิจัยอาหารเสริม คลิกติดต่อทีมขาย
เอกสารอ้างอิง
ส่งความคิดเห็น
ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่ ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *